เหนือทรายใต้ผืนฟ้า – bigger
ณรินา เดินแกมวิ่งลงไปตามบันได เพื่อตรงไปยังที่จอดรถด้วยอาการที่เรียกว่าแข้งขาสั่น
หญิงสาวเพิ่งยอมรับกับตัวเองว่า..นอกจากมารดาซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว
เธอไม่เคยกลัวใครได้มากเท่ากับผู้ชายคนนี้มาก่อน
แม้ขณะที่เปิดกระเป๋าแล้วพยายามค้นกุญแจรถอยู่นั้น
หญิงสาวก็แทบจะร่ำไห้เมื่อจิตใจประหวัดไปถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น…
เธอจำได้ทุกอย่างจำได้แม้เสียงคาดคั้นของเขา
ยามสั่งให้ทำนั่นทำนี่และบงการให้เธอต้องทำในสิ่งที่น่าอาย…
ใครจะคิดว่าผู้หญิงที่เคยถือตัวขนาดเธอต้องเผลอไผล
ไปทำในสิ่งที่น่าอดสูอย่างที่สุดตามคำสั่งแกมขอร้องอย่างเว้าวอนของชายหนุ่ม
ร่างบางระหงเดินค่อยลัดเลาะไปตามรถซึ่งจอดเรียงรายบนชั้นต่ำๆของลานจอดที่ค่อนข้างเงียบ
และในขณะที่ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อกดรีโมทจนเห็นไฟสว่างแวบของรถตนเอง
หญิงสาวซึ่งกำลังก้าวยาวๆก็ต้องอุทานเสียงหลงเมื่อเอวคอดถูกรั้งไว้แน่น
พร้อมกับฝ่ามือข้างหนึ่งซึ่งเอื้อมมาปิดปากของเธอ
ร่างสาวที่ดิ้นรนสุดชีวิตพร้อมกรีดร้องอึกอักในลำคอเพราะตกใจ
ต้องนิ่งขึงในเวลาต่อมาเมื่อเสียงห้าวคุ้นหูดังใกล้ๆ
พร้อมตัวเธอที่ถูกดึงเข้าเบียดแนบกับร่างแกร่งของคนด้านหลัง
“จะรีบไปไหนหรือเจอรี่”
“อื้อ..ปล่อย”
ณรินาทั้งกรีดร้องและพยายามจะกัดมือที่ปิดปากตัวเองแน่น
แต่นอกจากเธอจะไม่ประสบความสำเร็จแล้ว เขายังหัวเราะเสียงต่ำราวเยาะเย้ย
“วิธีนี้ไม่ได้ผลสำหรับผมหรอกเจอรี่ ถ้าองครักษ์อย่างผมปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็กๆกัดได้ละก็ ป่านนี้ผมคงโดนไล่ออกจากวังขององค์ชายไปนานแล้ว”
ความขัดใจที่ทำอะไรเขาไม่ได้ดังหวังทำให้ณรินายกเท้าขึ้นสูง
หมายจะกระทืบไปบนปลายเท้าของชายหนุ่มด้วยความโกรธเกรี้ยว
ก่อนเธอจะเป็นฝ่ายร้องวี้ดด้วยความตกใจสุดขีด