*** ช่วงนี้มีนิยายที่ถูกนำไปสร้างเป็นละคร / ซีรีส์ / หนัง อะไรบ้าง คลิกดูที่นี่เลยค่ะ / สำหรับใครที่อยากอ่านนิยาย แต่ไม่รู้จะอ่านเรื่องอะไรดี เรามีฟังก์ชั่นสุ่มนิยายให้ด้วยนะคะ คลิกเลย! ***

วันวานสุดอาภัพ เล่ม 1 (ไลท์โนเวล) – นาฮาโตะ

อ่านนิยาย ไลท์โนเวล วันวานสุดอาภัพ เล่ม 1 pdf epub นาฮาโตะ First Page Pro.
ดาวน์โหลดนิยาย ไลท์โนเวล วันวานสุดอาภัพ เล่ม 1 pdf epub นาฮาโตะ First Page Pro.

มันเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อไหร่กันนะ……คิดว่า น่าจะผ่านไปสองปีได้แล้วมั้ง?

 

ชื่อของผมคือ “วาซุ” เป็นเด็กหนุ่มผมดำ ที่อายุอานามเพิ่งแตะสิบห้าปีได้หมาดๆ รูปร่างไม่สูงไม่เตี้ย ไม่อ้วนไม่ผอม เป็นเด็กหนุ่มธรรมดาๆ ที่น่าจะหาได้ทั่วไป

ผมอาศัยอยู่ในเมืองหลวงของ ราชอาณาจักรอิสคอร์ ร่วมกับพ่อแม่ที่เป็นชาวเมืองสามัญชนและอัจฉริยะแสนน่ารัก

ซึ่งอัจฉริยะแสนน่ารักที่ว่านี้ก็คือน้องสาวของผม ที่อายุน้อยกว่าสองปี และได้รับคำชมจากผู้คนรอบตัวอยู่ตลอด เรื่องนี้ทำให้ผมกลายเป็นพี่ชายแสนธรรมดาที่มีดีแค่น้องสาวเก่งเท่านั้น

 

แต่ว่า แม้แต่สามัญชนคนรากหญ้าอย่างผม ก็ยังมีเพื่อนสมัยเด็กวัยเดียวกันที่ตัวเองรู้สึกภาคภูมิใจอยู่ด้วย

ชื่อของเพื่อนสมัยเด็กคนนี้ก็คือ “อาเรีย

นางมีเส้นผมสีทองที่ทอประกายเหมือนเส้นไหมสูงค่า ดวงตาสีฟ้าที่ทำให้รู้สึกถึงความอ่อนโยน

ใบหน้างามได้รูปที่ยังหลงเหลือความงามของวัยดรุณ แต่ก็สามารถเดาได้ไม่ยาก ว่าเมื่อเติบโตแล้วจะงดงามสักเพียงใด รูปร่างก็สมส่วน

 

ส่วนนิสัย……ภายนอกจะเป็นคนที่ดูอ่อนโยนกับทุกคน โดยไม่มีแบ่งแยกรวมถึงยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา จะมีก็แต่เวลาที่อยู่กับผมที่จะเปิดเผยมุมมืดออกมาบ้าง…… เดี๋ยวนะ ขอไม่นินทาลับหลังก็แล้วกัน……

ตอนอายุสิบสองปี ผมกับอาเรียได้สาบานอนาคตเอาไว้ร่วมกัน เป็นคำสาบานที่บอกว่า เมื่ออายุได้สิบห้าปีที่ถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วพวกเราจะแต่งงานกัน

ดูเหมือนความลับเรื่องนี้จะหลุดไปถึงหูน้องสาวผม……. หลุดไปได้ยังไงล่ะเนี่ย แถมพอข่าวหลุดออกไป น้องสาวผมก็ดูจะอารมณ์บูดไปพักหนึ่ง

จำได้เลยว่าตอนง้อน้องสาวนี่เหนื่อยแทบรากเลือด……โอ๊ะ ต้องเล่าเรื่องอาเรียสินะ

 

อาเรียถูกทางโบสถ์เลือกให้เป็น “สตรีศักดิ์สิทธิ์” ตอนอายุสิบสามปี และเพื่อออกไปปราบจอมมารที่ปรากฏตัวขึ้นในปีนั้น

อาเรียได้ออกเดินทางร่วมกับผู้ที่ถูกเลือกให้เป็นผู้กล้าในลักษณะเดียวกันแบบไม่ค่อยเต็มใจ

ถ้าถามว่าเพราะอะไรถึงไม่ค่อยเต็มใจ ก็เพราะตัวอาเรียนั้นไม่อยากไปนั่นเอง

คงจะมีแต่ผมกระมังที่รู้ว่าอาเรียยอมไปเพราะทนเสียงกดดันจากพ่อแม่ตัวเอง และพวกผู้ใหญ่ที่อยู่รอบตัวไม่ได้ เพราะเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นอาเรียก็จะทำเพียงยิ้มหวานออกมาเหมือนทุกครั้ง

 

ตัวผมในตอนนั้นมีความคิดว่าควรปล่อยอาเรียไปโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำจริงๆ น่ะเหรอ

ผมควรลงมือทำอะไรสักอย่างสิ……

ดังนั้นผมจึงหันหน้าไปทางแผ่นหลังของอาเรียที่กำลังจะเดินตามคนของโบสถ์ไปแล้วตะโกนดังลั่น

 

“ฉันก็จะไปด้วย!”

อาเรียที่หันมาเพราะคำพูดของผม เผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าออกมาด้วยความยินดี แต่พวกผู้ใหญ่ที่อยู่รอบๆ นี่สิ พวกเขาหันมามองผมด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจ

จากนั้น มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินแหวกกลุ่มผู้ใหญ่ออกมา

 

“สามัญชนอย่างแกคิดจะตามไปปราบจอมมารด้วยงั้นเหรอ?”

เด็กหนุ่มคนนั้นมองผมด้วยสายตาที่เหมือนกำลังประเมินสินค้า เขามีเส้นผมสีทองเข้ม ใบหน้าก็ดูหล่อเหลาผิดกับไอ้หนุ่มหน้าจืดอย่างผม

ผมจำได้ดีว่าพอเขายืนคู่กับอาเรียแล้วช่างดูงดงามเข้ากันเหมือนเจ้าชายกับเจ้าหญิงที่อยู่ในภาพวาด

ผมรู้ว่าจะยอมถอยแค่นี้ไม่ได้เด็ดขาด จึงตะโกนต่ออย่างเกรี้ยวกราด

“สามัญชนแล้วยังไง! ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะตามไปด้วย!”

“ฮึ่~ม……งั้นฉันขอทดสอบหน่อยแล้วกัน”

ผลลัพธ์น่ะเหรอ ผมพ่ายแพ้ให้เด็กหนุ่มผมทองด้วยสภาพที่ดูไม่ได้

 

อาเรียพยายามจะเข้ามารักษาผมที่เต็มไปด้วยบาดแผล แต่เด็กหนุ่มกับพวกผู้ใหญ่บอกว่าเสียดายเวลา ก็เลยโยนเหรียญเงินมาให้สองสามเหรียญบอกว่าเป็นค่ารักษา จากนั้นก็พาตัวอาเรียออกไปจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว

ความเจ็บแค้นใจและความรู้สึกไร้พลังทำให้ผมร้องไห้ไม่หยุด……

ตั้งแต่นั้นมาผมก็สวดอ้อนวอนให้อาเรียที่ออกเดินทางไปแคล้วคลาดปลอดภัยอยู่ทุกวัน รวมถึงฝึกฝนตัวเองอย่างบ้าคลั่ง

 

ตอนที่เพิ่งเริ่มฝึกฝนตัวเอง ผมก็ได้รู้ว่าเด็กหนุ่มที่เล่นงานผมจนสะบักสะบอมคนนั้น ก็คือ “ผู้กล้า” แล้วพอคิดว่าไม่อยากแพ้ให้ผู้กล้าอีกตัวเองก็เลยรู้สึกมีไฟขึ้นมา

เพื่อการนั้น ผมได้เข้าไปยังกิลด์นักผจญภัย ลงทะเบียน แล้วฝึกฝนโดยอ้างอิงจากสเตตัสของตัวเองตามที่ระบุไว้ในบัตรกิลด์……

 

แต่ด้วยความที่ผมเป็นนายกระจอกแสนธรรมดา จะให้เก่งขึ้นแบบพรวดพราดก็คงไม่ได้ ความสามารถพิเศษอะไรก็ไม่มี

ดังนั้น ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็แข็งแกร่งขึ้นมาได้ แค่มากกว่าค่าเฉลี่ยของเด็กวัยเดียวกันนิดหน่อยเท่านั้น

ส่วนตอนที่ผมเริ่มมั่นใจว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้นมานิดหน่อยแล้ว เวลาก็ได้ล่วงเลยไปถึงสองปี

ก่อนอายุผมจะแตะสิบห้าเล็กน้อย มีข่าวหนึ่งถูกป่าวประกาศไปทั่วโลก

 

“ปาร์ตี้ผู้กล้าปราบจอมมารสำเร็จแล้ว!”

ข่าวนั้นทำให้โลกถูกโอบล้อมไว้ด้วยความปลาบปลื้ม

ส่วนตัวผมนั้นยังรู้สึกใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ จนกว่าจะได้เห็นอาเรียด้วยตาตัวเอง

เมื่อเวลาผ่านไปพักหนึ่งหลังจากมีประกาศ ปาร์ตี้ผู้กล้าก็เดินทางกลับมายังเมืองหลวง

 

ดูเหมือนจะมาเพื่อรายงานว่าทำภารกิจปราบจอมมารสำเร็จ และกลับมาแล้วโดยสวัสดิภาพ ตอนที่ปาร์ตี้ผู้กล้าเข้ามาในเมืองก็มีการจัดพาเหรดฉลองชัยกันเสียยกใหญ่

ผมเฝ้ามองขบวนอยู่จากที่ไกลๆ และเมื่อเห็นอาเรียเป็นหนึ่งในปาร์ตี้ผู้กล้าที่อยู่ใจกลางของขบวนพาเหรด ผมก็ยกมือขึ้นทาบอกด้วยความโล่งใจ

ปาร์ตี้ผู้กล้าเคลื่อนตัวเข้าปราสาทไป จากนั้นพักหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งตรงระเบียงปราสาทที่สามารถมองเห็นได้ทั้งเมืองพร้อมกับพระราชา

พระราชาได้กล่าวว่าเหล่าผู้กล้าได้ทำการต่อสู้อย่างห้าวหาญจนสามารถปราบจอมมารลงได้สำเร็จ

ผมนึกว่าการชมเชยปาร์ตี้ผู้กล้าจะดำเนินต่อไปแบบยาวเหยียด แต่จู่ๆ พิธีก็หยุดลง และผู้กล้าได้เข้าไปยืนข้างๆ พระราชา

 

“เก่งมากที่ปราบจอมมารได้สำเร็จ”

“ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ”

“เอาละ ผู้กล้า……เจ้าปรารถนาอะไรเป็นสิ่งตอบแทนบ้างมั้ย?”

“สิ่งที่ผมปรารถนา มีแค่อย่างเดียว——-”

ผู้กล้ากล่าวเช่นนั้นแล้วดึงตัวอาเรียออกมาจากปาร์ตี้ที่ยืนรออยู่ด้านหลัง

 

“คือการรับสตรีศักดิ์สิทธิ์อาเรียเอาไว้เป็นภรรยา”

พริบตาที่ผู้กล้ากำลังจะช่วงชิงจุมพิตของอาเรียไป ผมหลับตาปี๋ เอามืออุดหู และวิ่งออกจากสถานที่นั้น

เรื่องราวมันก็ต้องจบประมาณนี้ทั้งนั้น……แต่……

ดาวน์โหลดนิยาย ไลท์โนเวล วันวานสุดอาภัพ เล่ม 1 pdf epub นาฮาโตะ First Page Pro.